Search This Blog

Translate

Friday 27 June 2014

ความหวังที่อยากจะมีลูก


ความประสงค์จงใจอยากจะมีลูก

เพราะหมายปลูกสิ่งงามตามเหตุผล

เป็นความปองของมนุษย์ปุถุชน

ตามคิดค้นควรว่าห้าประการ


เพราะต้องการตัวแทนแผนงามชัด

ด้วยกรัชในอกยกสมาน

ให้เป็นคนครองดีมีสันดาน

สืบวงศ์วานต่อไปให้มั่นคง


อยากมีลูกงามผ่องครองสมบัติ

ที่ครองสัตย์ครองธรรมตามประสงค์

สืบทายาทมฤดกตกทอดตรง

หมายมอบส่งสินทรัพย์นับอนันต์


อยากมีลูกใจงามช่วยทำกิจ

สืบสนิทอาชีพหลักประจักษ์ขัน

หรือเปลียนใหม่ให้ดีขึ้นชื่นใจครัน

จึงใฝ่ฝันให้ศึกษาวิชาการ


คราวถึงกาลแก่ชราหรืออาพาธ

ก็หมาายมาดให้ลูกปลูกใจสาน

กตัญญูรู้คุณจุนเจือจาน

ให้อาหารว่านยาพาชื่นใจ
 
 
ถึงคราวที่ต้องตายวายชีวาตม์
 
ก็หมายมาดชวยปิดตาอัชฌาสัย
 
ทำบุญบวชกรวดน้ำส่งตามไป
 
จะเผาไฟหรือฝังหวังชัดเจน
 
 
นี่คือปณิธานการหวังลูก
 
พ่อแม่ปลูกไว้ชัดอรรถงามเด่น
 
ห้าประการสานใจไม่เบี่ยงเบน
 
ใครลดเกณฑ์ก็ลดค่าราคาตน
 
 
ผู้พ่อแท้แม่แท้แน่มีครบ
 
ถ้าพ่อหลบแม่หลีกฉีกเหตุผล
 
เพราะเป็นให้เกิดกำเนิดคน
 
อย่าสับสนมีให้ครบจบกระบวน
 
 
ส่วนลูกเล่าต้องรู้สู้จำจด
 
หมายแทนทดความหวังอย่างงามถ้วน
 
มุ่งสนองต้องระบอบที่ชอบควร
 
ให้สมส่วนสามเด่นเป็นทวี
 
 
.......................
 
 
คัดจาก.....หนังสือพ่อแม่แผ่ไมตรี
โดย......พระรรมปริยัติโสภณ  เจ้าคณะภาค ๑๐  
วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร จ.นครพนม
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
















Monday 23 June 2014

ลักษณะแม่


ทั้งแปดอรรถจัดยกสาธกชี้

ทุกแม่มีครบถึง  หนึ่ง  สอง  สาม

พร้อมกับแปดแถมเข้าพอกล่าวความ

เพียงได้นามว่า  "แม่"  แค่สร้างคน


จะเป็นแม่ที่ดีขอชี้ชัด

ต้องเพิ่มอรรถสี่ถึงเจ็ดพิเศษผล

เป็นแม่ดีศรีประเสริฐเลิศวิมล

เป็นแต่ต้นงามจบครบกระบวน


เพียงได้หนึ่ง  สอง  สาม  และแปดแท้

พอเป็นแม่เปล่าเปล่าให้เขาสรวล

มิใช่แม่ดีงามตามเหมาะควร

เพียงมีส่วนแต่ให้ขาดไยดี


เพียงอยากเล่นอยากลองทำนองแม่

ไม่เป็นแท้ลองแล้วเปิดเตลิดหนี

หรือท้องแก่กลุ่มนักลักฆ่ามี

เป็นแม่ผีหรือไรไยพิกล


มักมีข่าวเด็กอ่อนนอนเจ่าจุก

ฝุ่นดินคลุกริมทางข้างถนน

ถังขยะมีเสียงแหวเรียกแมตน

โลกสับสนว่าใครทำไมกัน
 
 
เป็นแม่ดีแม่เด่นต้องเป็นชอบ
 
ต้องระบอบเป็นแม่แผ่งามขัน
 
ต้องตั้งตนให้เด่นเป็นอนันต์

โดยยึดมั่นอุดมการณ์เป็นฐานใจ


ลูกคือก้อนกรัชตนคนคู่สร้าง

ไยหมายล้างลูกยาอัชฌาสัย

ต้องหมายชมสมบัติดุจหทัย

ที่เราให้แทนเราสืบเผ่าพันธุ์

 
แม่ต้องมองลูกเห็นเป็นทองแท่ง

แล้วปรุงแต่งเติมตามให้งามขัน

รวมกับพ่อเพียรการงานสำคัญ

คือสร้างสรรค์ฐานะอย่าละเลย


ร่วมเรือต้องแจวจ้ำหรือค้ำถ่อ

อย่ามือรอราน้ำหรือทำเฉย

อย่าหมายมาดราชรถจะมาเกย

คำพังเพยว่าประชด  "จะอดตาย"


ผู้เป็นแม่แน่นักต้องรักลูก

ใจต้องผูกทุกเช้าเย็นไม่เว้นหาย

มุ่งแต่สร้างแต่งเสริมเพิ่มใจกาย

ถูกเป้าหมายเป็นแม่ที่แท้จริง


........................



คัดจาก....หนังสือ  พ่อแม่แผ่ไมตรี
โดย....พระธรรมปริยัติโสภณ  เจ้าคณะภาค ๑๐
วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร  จ.นครพนม













Tuesday 17 June 2014

ลักษณะพ่อ


รวมแปดอรรถจัดยกสาธกชี้

ทุกพ่อมีครบถึง  หนึ่ง  สอง  สาม

พร้อมกับแถมแปดเข้าพอกล่าวความ

เพียงได้นามว่า  "พ่อ"  ก่อสร้างคน


จะเป็นพ่อที่ดีขอชี้ชัด

ต้องเพิ่มอรรถสี่ถึงเจ็ดพิเศษผล

เป็นพ่อดีศรีประเสริฐเลิศวิมล

ต้องตั้งตนเป็นให้ครบจบกระบวน


ถ้าได้หนึ่ง  สอง  สาม  และแปดเล่า

เป็นพ่อเปล่าเป็นก็พอครบถ้วน

มิใช่พ่อดีงามตามสำนวน

เพียงมีส่วนแต่ให้ขาดใยดี

 
ปัจจุบันมีมากอยากเป็นพ่อ

เพียงแต่ก่อให้เกิดเตลิดหนี

ลูกยังไม่คลอดแจวลอดมี

เป็นพ่อผีหรือพ่อคนเหตุผลใด


พ่อที่ดีเด่นต้องไม่ปองหลบ

รับภาระครบคุ้มครองให้ผ่องใส

ต้องเป็นพ่อลูกมั่นคือขวัญใจ


ต้องอาลัยลูกแม่แผ่ดีครอง

เป็นพ่อบ้านการผองต้องงามเด่น

ทุกประเด็นอย่าสลัดอย่าขัดข้อง

ทั้งลูกแม่แลเห็นเป็นเพชรทอง


พ่อต้องมองครองงามตามธรรมา

เป็นพ่อบ้านต้องเหมือนเพื่อนแม่ลูก

หมายปองปลูกเรือนสวรรค์ขันอาสา

ถือหาเสือเรือทองล่องชลา


สู้ฟันฝ่าคลื่นลมที่โหมเรือ

ถ้าเป็นพ่อแบบนี้แสนดีนัก

ลูกแม่รักอบอุ่นเป็นบุญเหลือ

จุะทุกข์สุขสมสานร่วมจานเจือ

เป็นพ่อเกื้อการุณย์ให้ทุนทอง


พ่อเป็นผู้สำคัญประกันลูก

คุ้มครองปลูกด้วยรักศักดิ์สนอง

สมานแม่เพื่อลูกปลูกปรองดอง

จะกล่าวกรองคำแม่แผ่คู่กัน

.............................


จาก.....หนังสือพ่อแม่แผ่ไมตรี
ประพันธ์โดย.....พระธรรมปริยัติโสภณ  เจ้าคณะภาค ๑๑
วัดพระธาตุพนม  วรมหาวิหาร จ.นครพนม



















Tuesday 3 June 2014

อธิบายคำว่าพ่อ



 คำวว่า  "พ่อ"  เป็นคำงดงามนัก

  เป็นนามหลักสืบตระกูลไม่สูญหาย

    เป็นคำยกเชิดชูคนผู้ชาย

    ที่ได้สายสมประสงค์สืบวงศ์วาน

                     
  คู่คำ  "แม่"  แน่นักประจักษ์ชัด

  เป็นสมบัติทางภาษาสง่าสาร

  สำหรับผู้ใหญ่ล้ำนำกิจการ

   ปกครองบ้านครองเมืองเรืองเดชา

                   
    เป็นคำไทยโบราณมานานนัก

    เป็นคำหลักยกย่องผ่องภาษา

    ก่อนตั้งกรุงสุโขทัยใช้สืบมา

    นับเวลาได้กาลเกือบพันปี

                       
การตั้งกรุงสองพ่อขุนบุญฤทธิ์

 เริ่มแบบที่กษัตริย์ขัตติย์วงศ

 ไล่อมิตให้เตลิดเปิดเปิงหนี

"สุโขทัย"  ตั้งเด่นเป็นธานี

                    
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พิชิตชัด

 เป็นกษัตริย์ย์เอกราชดังราชหงส์

 สองพ่อขุนจุนเจือกันชาติมั่นคง

 "พ่อ"  คำตรงคงอยู่คู่ชาติไทย

             
 แต่เดิมนั้นความคงส่งสูงชัด

 พ่อขุนหรือคือกษัตริย์อัติสัย

 คือ  "จอมทัพ"  ของประเทศพิเศษชัย

  "จอมเมืองใหญ่"  "พ่อทัพ"  กับ  "พ่อวัง"

                                                                
 เป็นคำงามนามขนานชั้นอุกฤษฏ์

  นามเลิศฤทธิ์ในหล้าว่าความหลัง

   อีกคำ   "แม่"  ก็ใหญ่แน่แต่รองรัง

 เป็นรองรั้งคำพ่อเสริมต่อกัน

                                                                 
 เช่น  "แม่ทัพ"  นั้นต้องรองจอมทัพ

  "แม่น้ำ"  รับรองสมุทรยุติมั่น

 อีก  "แม่บ้าน"  รองพ่อบ้านการสำคัญ

 แต่พ่อนั้นไม่ต้องรองผู้ใด

                                                                 
 คำว่า  "พ่อ"  นั้นก็พ่อมนุษย์

  ซึ่งเป็นจุดจะได้บรรยายไข

    คู่กับ  "แม่"  มีมาภาษาไทย

     แม่ยกไว้จะไขพ่อต่อประเด็น

                                                                 
 คำว่า  "พ่อ"  บาลีไทยใช้  "ชนก"

  และอีกยก  "บิดา"  ว่าให้เห็น

  เอาคำพระมาใช้ไม่ยากเย็น

   ถือ  พ่อ  เป็นคำหลักจักรวมกัน

                                                           
สามคำนี้ขอชี้ความพองามขำ

"ผู้ให้กำเนิดลูกปลูกร่างสรรค์

 ให้ชีวิตลูกเด่นเป็นสำคัญ

  ผู้ให้มันสมองสองมือตีน

                                                          
 ผู้รักษาปกป้องคุ้มครองลูก

  ผู้หวังปลูกลูกให้ดีมีสัตย์ศีล

 ผู้อบรมบ่มนิสัยใหประวีณ

 ผู้ป่ายปีนกวดขันกลั้นกลี

                                                         
 ผู้ให้ต้นทุนอุดมการสมบัติ

ทุนเอกชัดให้งามตามวิถี

ไม่มีชายอื่นใดในปฐพี

 จะให้ดีเท่าพ่อก่อการงาม


.................................

                                                
คัดจาก.....หนังสือพ่อแม่แผ่ไมตรี
ประพันธ์โดย....พระธรรมปริยัติโสภณ  เจ้าคณะภาค ๑๐
วัดพระธาตุพนม  วรมหาวิหาร  จ.นครพนม